
เห็ดหลินจือนั้นเพื่อน ๆ คงเคยได้ยินชื่อมันมานานแล้วใช่มั้ยครับ แต่น้อยคนนักที่จะเข้าใจถึงสรรพคุณของมัน และปาฏิหาริย์ที่มันสร้างขึ้น ซึ่งบอกเลยว่า เห็ดหลินจือ นั้นเป็นสุดยอดสมุนไพรที่สามารถรักษาโรคต่าง ๆ ได้อย่างมากมาย และเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยจากโรคร้ายแรงนานาชนิดได้จริง ผ่านการวิจัยมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง จนคนทั้งโลกให้การยอมรับ ซึ่งวันนี้เราจะพาทุกคนไปเจาะลึกข้อมูลสุด Exclusive ของเห็ดหลินจือกันว่า ทำไมมันจึงถูกขนานนามว่า ‘สมุนไพรแห่งชีวิต’

จุดกำเนิดของ เห็ดหลินจือ กว่าจะได้ชื่อว่า ‘ราชาสมุนไพร’
เห็ดหลินจือนั้นถูกใช้ในวงการแพทย์แผนจีนมานานมากกว่า 2,000 ปีซะอีกนะครับ โดยชื่อของมันสามารถแปลได้ตรงตัวว่า ‘เห็ดเหนือธรรมชาติ’ ซึ่งเห็ดหลินจือถูกจัดให้เป็นเห็ดที่มีอายุยืนนาน และมีชื่อเสียงเก่าแก่ที่สุดในบรรดาสมุนไพรทางการแพทย์เลย แถมยังถูกบันทึกลงในตำราสมุนไพรที่มีอายุมากที่สุดของประเทศจีนอีกด้วย แค่เปิดตัวมาก็อลังการสุด ๆ แล้ว
ซึ่งสมัยก่อนนั้นยาปฏิชีวนะมันก็ไม่ได้มีแบบทุกวันนี้ ทำให้หมอในสมัยนั้นเค้าใช้เห็ดหลินจือในการรักษาโรคต่าง ๆ เป็นหลักเลยล่ะ จนถึงขนาดได้รับการยกย่องว่า เป็นราชาสมุนไพรที่หมอจีนเอาไปใช้รักษาแทบจะทุกโรคเลย
ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะใน
ทั้งเส้นใยต่าง ๆ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน และแร่ธาตุบางชนิด ไม่ว่าจะเป็น แคลเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม เซเลเนียม ธาตุเหล็ก สังกะสี ทองแดง รวมไปถึงพวกสารโมเลกุลชีวภาพที่สำคัญ ๆ อย่าง…- ไตรเทอร์พีน ที่ช่วยกำจัดการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง ยับยั้งเซลล์มะเร็งตับ ป้องกันโรคภูมิแพ้ ลดความดันโลหิต ลดไขมันในเลือด ป้องกันไขมันอุดตันในเส้นเลือด
- นิวคลีโอไทด์ ที่ช่วยออกฤทธิ์บรรเทาอาการเจ็บปวด ป้องกันลิ่มเลือดแข็งตัวในเส้นเลือด ลดความเสี่ยงโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัส
- พอลิแซ็กคาไรด์ มีฤทธิ์เสริมระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ช่วยกำจัดเซลล์มะเร็ง ยับยั้งเนื้องอก ลดน้ำตาลในเลือด ลดอาการอักเสบ
- เจอมาเนียม ซึ่งมีส่วนในการช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกาย บำรุงประสาท สมอง หัวใจ กระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด
- เออร์โกสเตอรอล ซึ่งเป็นสารที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและฟัน และสารอนุพันธ์อื่น ๆ
เพราะแบบนี้แหละครับทำให้หลาย ๆ บ้านถึงกับเอา เห็ดหลินจือ มาทำอาหารกินกันเลย ซึ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับวงการวิทยาศาสตร์อย่างมาก จนต้องนำเห็ดหลินจือไปทำการวิจัยต่าง ๆ ออกมาให้เห็นกันเต็มไปหมด

คุณสมบัติเด่นที่ทำให้เห็ดหลินจือ เป็นสุดยอดสมุนไพรที่ดีที่สุดในโลก
ถึงแม้เราจะเกริ่นกันมาตั้งแต่ต้นบทความว่าเห็ดหลินจือนั้นเป็นสมุนไพรอันดับหนึ่งของโลกก็จริง แต่หลาย ๆ คนอาจจะยังสงสัยว่าทำไมมันถึงได้เทพซะขนาดนั้น ต้องบอกเลยว่าเพราะคุณสมบัติของมันนั้นช่วยรักษาอาการผิดปกติของร่างกายเราได้แบบครอบจักรวาลเลยนี่แหละ ซึ่งจะมากมายขนาดไหนนั้น ตามไปชมกันเลย
- บำรุงร่างกาย เสริมกำลัง บรรเทาอาการอ่อนเพลีย
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
- ลดน้ำตาลในเลือด ควบคุมอาการของโรคเบาหวาน
- ลดไขมันในเลือด
- ป้องกันโรคหัวใจ
- เสริมสร้างความจำ ป้องกันอัลไซเมอร์
- ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนได้ดีขึ้น
- ชะลอความแก่ บำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง
- ล้างพิษให้ร่างกาย
- บำรุงสายตา
- แก้หลอดลมอักเสบเรื้อรัง
- รักษาโรคภูมิแพ้ หืด หอบ
- ลดความดันโลหิตสูง
- แก้ปวดเมื่อย ปวดข้อ
- บำรุงระบบประสาท แก้อาการนอนไม่หลับ เวียนศีรษะ เบื่ออาหาร
- รักษาแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้
- บำรุงและรักษาโรคตับต่าง ๆ
- ขับปัสสาวะ รักษาโรคทางเดินปัสสาวะ
- ป้องกันการทำงานหนักของไต
- รักษาและบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงทวาร
- ลดอาการปวดประจำเดือน
- แก้ภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
- แก้ปัญหาภาวะมีบุตรยาก
- ยับยั้งเชื้อไวรัส อย่างไวรัสเอดส์ อีสุกอีใส งูสวัด
- รักษาโรคที่มีสาเหตุมาจากการขาดออกซิเจน เช่น ถุงลมโป่งพอง หัวใจล้มเหลว เส้นเลือดหัวใจตีบ
เป็นยังไงบ้างครับ เยอะมากเลยใช่มั้ยล่ะ เพราะแบบนี้เองถึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมชื่อเสียงของ เห็ดหลินจือ ถึงอยู่คู่ฟ้าดินมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

เห็ดหลินจือให้ประโยชน์มากมาย ดีต่อร่างกายมนุษย์มากขนาดนั้นเลยเหรอ?
พูดสรรพคุณกันไปขนาดนี้หลาย ๆ คนก็คงเกิดความสงสัยว่า เห็ดที่มันดีขนาดนี้ แถมคุณสมบัติมากแบบนี้มันมีในโลกด้วยเหรอเนี่ย ซึ่งบอกเลยว่าวิทยาศาสตร์เค้าได้ทำการพิสูจน์แล้วถึงเรื่องนี้ โดยทำการวิจัยเห็ดหลินจือเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ดังนี้
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
มีการวิจัยชิ้นหนึ่งได้ทำการทดลองเกี่ยวกับโรครูมาตอยด์โดยการให้ผู้ป่วย 32 คนลองทานเห็ดหลินจือดู ผลปรากฏว่า เห็ดหลินจือสามารถระงับอาการปวดของผู้ป่วยได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังไม่มีอาการข้างเคียงตามมา แต่สำหรับการรักษาอาการอักเสบ และภูมิคุ้มกันนั้นเห็ดหลินจือไม่ได้แสดงผลในส่วนนี้ออกมาให้เห็น
เพิ่มสมรรถภาพร่างกาย
เรามักจะได้ยินโฆษณาที่บอกว่าเห็ดหลินจือสามารถเพิ่มพลังกายให้กับผู้ที่ทานได้ ซึ่งมีการทดลองในผู้ป่วยโรคปวดกล้ามเนื้อไฟโบรไมอัลเจียเพศหญิงกว่า 64 คน ซึ่งให้ทานเห็ดหลินจือทุกวัน วันละ 6 กรัมตลอด 6 สัปดาห์ พบว่า เห็ดหลินจือสามารถเพิ่มความอดทนของร่างกายตอนออกกำลังกายได้ และทำให้ผู้ป่วยมีความยืดหยุ่นของร่างกายเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ป้องกันการทำลายเซลล์ตับ
อีกหนึ่งสรรพคุณที่ถูกยกย่องให้เป็นอันดับหนึ่งก็คือ การรักษาโรคตับนั่นเอง ซึ่งมีการทำวิจัยถึงเรื่องนี้เช่นกัน โดยให้คนที่มีสุขภาพดี 42 คนทานเห็ดหลินจือเป็นประจำ ผลปรากฏว่าเห็ดหลินจือมีส่วนช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ และยับยั้งการเกิดอนุมูลอิสระ อีกทั้งยังช่วยลดการอักเสบของตับได้เป็นอย่างดี ดังนั้นสรรพคุณในเรื่องนี้ถือว่าไม่เกินจริงแต่อย่างใดเลย
รักษามะเร็งร้าย
มาถึงคราวโรคร้ายที่ไม่ว่าใครต่างก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับตัว และวงการแพทย์ยุคใหม่ก็ยังไม่สามารถรักษาให้หายได้ แต่ เห็ดหลินจือ ที่เป็นสมุนไพรโบราณกลับถูกบอกต่อกันว่าสามารถช่วยรักษามะเร็งได้ ดังนั้นจึงเกิดการวิจัยขึ้น ซึ่งเค้าทำการวิจัยโดยการศึกษาเกี่ยวกับประโยชน์ของสารโพลีแซ็กคาไรด์ในเห็ดหลินจือ พบว่า ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเซลล์เม็ดเลือดขาว เสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายให้สามารถออกฤทธิ์ต่อต้านกับเซลล์มะเร็งในร่างกายได้ เช่น มะเร็งรังไข่ มะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูก ฯลฯ ทั้งยังมีฤทธิ์กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในผู้ป่วยมะเร็งปอด, ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ และผู้ป่วยมะเร็งขั้นลุกลามอีกทั้งการใช้สารสกัดจากเห็ดหลินจือร่วมกับการทำเคมีบำบัดหรือรังสีบำบัดยังช่วยให้ผู้ป่วยตอบสนองต่อการรักษาดังกล่าวได้ดีขึ้น
ช่วยในเรื่องต่อมลูกหมากโต
มีการทดลองชิ้นหนึ่งได้ใช้สารสกัดจากเห็ดหลินจือทดลองในผู้ป่วยเพศชาย 88 คนที่มีอายุ 49 ปีขึ้นไปในเรื่องของต่อมลูกหมากโต และการปัสสาวะติดขัด ซึ่งหลังทดลองได้ 12 สัปดาห์ ผลคือ ผู้ป่วยต่างมีคะแนนในการรักษาที่ดีขึ้น

การรับประทานเห็ดหลินจือให้ได้ผลดี ช่วยให้สุขภาพแข็งแรง
หลังจากชมการวิจัยเห็ดหลินจือกันมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทีนี้เพื่อน ๆ หลายคนก็คงอยากจะลองหาเห็ดหลินจือมารับประทานกันแล้วแน่ ๆ เพื่อสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงของตัวเองนั่นเอง ซึ่งการทานเห็ดหลินจือนั้นก็ไม่ยากเลย เพียง…
- นำดอกเห็ดหลินจือมาฝานบาง ๆ ประมาณ 2-3 ชิ้น
- จากนั้นนำไปต้มในน้ำเดือดให้นานประมาณ 10-15 นาที
- เมื่อเสร็จแล้วสามารถดื่มแทนน้ำได้ทั้งวัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสดชื่น เสริมสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกาย ไม่เกิดอันตรายต่อสุขภาพ
โดยการทานเห็ดหลินจือในครั้งแรกนั้นอาจส่งผลให้รู้สึกมึนหัว และปวดตาได้ เนื่องจากสรรพคุณของเห็ดหลินจือมีคุณสมบัติช่วยขับพิษออกจากร่างกายนั่นเอง ทำให้อาการดังกล่าวเป็นสัญญาณอันดีว่าเห็ดหลินจือได้กำลังทำหน้าที่ของมันอย่างเต็มที่ และหมายถึงการฟื้นตัวของร่างกายเรานั่นเอง เปรียบเสมือนการปรับสมดุลให้ร่างกายกลับมาเป็นปกติให้ได้มากที่สุด ซึ่งอาการเหล่านี้จะอยู่ประมาณ 2-7 วันเท่านั้น แล้วร่างกายก็จะกลับสู่ภาวะปกติ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคนด้วย
การทานเห็ดหลินจือที่ดีที่สุดที่ร่างกายจะสามารถดูดซึมอย่างได้ผลก็คือ ทานในช่วงเวลาที่ท้องว่างนั่นเองครับ โดยถ้าจะให้ดีตื่นนอนเมื่อไหร่ก็ทานเห็ดหลินจือทันที หรือจะดื่มก่อนเข้านอนสัก 1 ชั่วโมงก็ทำได้เช่นกัน ซึ่งเดี๋ยวนี้มีอาหารเสริมเห็ดหลินจือขายแบบเป็นเม็ดแล้วด้วย ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าจะเสียเวลา หรือลำบากต้องมานั่งต้มน้ำกันอีกต่อไป เพียงทานอาหารเสริมเห็ดหลินจือเป็นประจำก็จะช่วยในเรื่องสรรพคุณดังกล่าวได้อย่างง่ายดาย เป็นตัวเลือกสำหรับคนยุคใหม่โดยเฉพาะ

เห็ดหลินจือที่เกิดขึ้นตามป่าเขา สามารถนำมาทานได้หรือเปล่า?
เป็นคำถามคาใจของใครหลาย ๆ คนอย่างมากเลยล่ะครับ เพราะเห็ดหลินจือนั้นไม่มั่นใจเลยว่าจะต้องทานแบบผ่านกรรมวิธีต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว หรือสามารถเด็ดจากในป่ามาทานได้เลย แบบไหนจะคงคุณภาพและสาระสำคัญไว้ได้มากกว่ากัน ซึ่งตรงนี้บอกเลยว่า เห็ดหลินจือที่ขึ้นในป่า ขึ้นบนขอนไม้นั้นอาจไม่ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนสมบูรณ์อย่างที่คิด
ซึ่งถ้าจะให้ดีควร ทานเห็ดหลินจือ ที่ปลูกในฟาร์มด้วยระบบปิดที่มีการวิจัย และพัฒนาแล้วว่าเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของเห็ดหลินจือจริง ๆ มีการควบคุมสภาวะต่าง ๆ ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เช่น แสงแดด ความชื้น และอุณหภูมิที่เหมาะสม รวมทั้งมีการควบคุมปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไม่ให้มีมากจนเกินไป ทำให้เห็ดหลินจือเติบโตขึ้นภายใต้สภาวะที่เหมาะสม และมีปริมาณสารออกฤทธิ์ที่สูงกว่าเห็ดหลินจือที่เติบโตเองตามธรรมชาติ
นอกจากนี้การเลือกซื้อเห็ดหลินจือที่ดีนั้นต้องคัดเลือกจากเห็ดที่มีการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ มีการควบคุมการเพาะปลูกด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีกระบวนการผลิตที่โดดเด่น ได้มาตรฐาน ได้รับการรับรองจากสากลเพื่อเป็นหลักประกันในด้านคุณภาพ และสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค
อีกทั้งถ้ามีการรับรองประสิทธิภาพของเห็ดหลินจือก็จะช่วยให้เรามั่นใจได้ว่า จะสามารถทานเห็ดหลินจือได้อย่างมีประโยชน์ต่อสุขภาพจริง ๆ เพราะเห็ดหลินจือมีราคาที่ค่อนข้างแพง แต่ก็คุ้มค่ากับการลงทุน และใช้ในการดูแลสุขภาพ
และสุดท้ายต้องไม่ลืมเรื่องความปลอดภัย เพราะเห็ดหลินจือเป็นอาหารที่เราต้องรับประทานเข้าสู่ร่างกาย ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องสะอาด มั่นใจได้ว่าจะไม่ทำให้เกิดโรค และผลข้างเคียงต่าง ๆ ตามมา

ผลข้างเคียงจากการทานเห็ดหลินจือ ใครบ้างที่ไม่ควรทาน
ถึงแม้ เห็ดหลินจือ จะดูดี มีประโยชน์มากมายจนถึงขั้นที่ว่าทุกบ้านควรมีติดไว้ หรือควรทานเป็นประจำเพื่อเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง แต่สำหรับบางคนแล้ว เห็ดหลินจือก็ไม่ใช่ตัวช่วยที่ดีเสมอไป โดยเฉพาะคนที่แพ้เห็ด ถ้าได้ทานเห็ดหลินจือเข้าไปก็อาจส่งผลให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาได้ ไม่ว่าจะเป็นอาการปากแห้ง คอแห้ง คัน ผื่นขึ้น เวียนหัว ปวดหัว ปวดท้อง เลือดกำเดาไหล ซึ่งถ้ามีอาการแบบนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ ควรหยุดทานเห็ดหลินจือทันที
และนอกจากนี้แล้ว กลุ่มคนที่ไม่ควรทานเห็ดหลินจือเลยก็ยังมีอยู่เช่นกัน ซึ่งถ้าใครรู้ตัวว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มคนด้านล่างนี้ล่ะก็ ไม่ควรที่จะทานอย่างยิ่ง เพราะอาจทำให้อาการป่วยหรือโรคต่าง ๆ ที่กำลังเผชิญมันร้ายแรงขึ้นกว่าเดิมได้
- คุณแม่ตั้งครรภ์ที่ต้องให้นมลูก – เนื่องจากปัจจุบันนี้ยังไม่มีการวิจัยไหนออกมาชี้ชัดเลยว่าเห็ดหลินจือนั้นมีความปลอดภัยต่อคุณแม่ตั้งครรภ์ หรือแม่ที่ต้องให้นมลูก ดังนั้นไม่ควรเสี่ยงทานเห็ดหลินจือเป็นอันขาด ควรทานอาหารที่มีความปลอดภัยเป็นหลัก
- คนที่มีความดันโลหิตต่ำ – สำหรับใครที่รู้ตัวว่ามีความดันโลหิตต่ำก็ไม่ควรทานเห็ดหลินจือเป็นอันขาด เพราะเห็ดหลินจือมีคุณสมบัติลดความดัน ซึ่งยิ่งทานเข้าไปก็จะยิ่งทำให้ความดันต่ำลงจนเป็นอันตรายได้
- คนที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ หรือเลือดออกผิดปกติ – เนื่องจากการทานเห็ดหลินจือในปริมาณที่มากเกินไป จะทำให้มีเลือดออกมากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นจึงไม่ควรเสี่ยงดีที่สุด
- คนที่กำลังจะผ่าตัด – อย่างที่รู้กันดีนะครับว่าเห็ดหลินจือนั้นจะเพิ่มความเสี่ยงที่ทำให้เลือดของเราออกมากขึ้น ดังนั้นคนที่กำลังจะผ่าตัดจึงไม่ควรทานอย่างยิ่ง หรืออย่างน้อย ๆ ก็ควรงดทานเห็ดหลินจือ 2 สัปดาห์ขึ้นไปก่อนเข้ารับการผ่าตัด
- คนที่เป็นโรคภูมิต้านเนื้อเยื่อตัวเอง หรือ โรคพุ่มพวง – เนื่องจากการทานเห็ดหลินจือจะเข้าไปเพิ่มความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ซึ่งภูมิคุ้มกันที่ถูกทำให้แข็งแรงขึ้นเนี่ยแหละครับที่จะยิ่งทำให้ร่างกายเกิดความผิดปกติมากขึ้น
- ผู้ป่วยที่ต้องทานยากดภูมิคุ้มกัน – สำหรับใครที่ต้องทานยากดภูมิคุ้มกันนั้นก็ไม่ควรที่จะทานเห็ดหลินจือเช่นกันนะครับ เพราะมันจะเข้าไปลบล้างหรือขัดขวางการบำบัดด้วยยากดภูมิคุ้มกันที่เราทานเข้าไปนั่นเอง
- ผู้ป่วยที่รับประทานยาบางชนิด – และสุดท้ายคนที่ไม่ควรทานเห็ดหลินจือก็คือ คนป่วยที่ต้องทานยาบางชนิด ไม่ว่าจะเป็น แอสไพริน ยาแก้อักเสบ NSAID ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ซึ่งถ้าจะทานเห็ดหลินจือนั้นแนะนำให้ทำการปรึกษาแพทย์เสียก่อน เพราะเห็ดหลินจือมันส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของยา และอาการป่วยที่เรากำลังเผชิญอยู่นั่นเองครับ
ทั้งหมดนี้เพื่อน ๆ จะเห็นได้ว่า เห็ดหลินจือนั้นมีคุณสมบัติที่คู่ควรกับการยกย่องให้เป็นราชาแห่งสมุนไพรเลยจริง ๆ แถมยังมีทั้งนักวิชาการ และนักทดลองให้การยอมรับถึงสรรพคุณต่าง ๆ อย่างเต็มที่ ทำให้มั่นใจได้เลยว่าเห็ดหลินจือสามารถช่วยแก้ไข และบรรเทาอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ในร่างกาย และคืนความสมดุลให้กับสุขภาพร่างกายของเราแบบองค์รวมได้เป็นอย่างดี ดังนั้นถึงแม้เห็ดหลินจือจะมีราคาที่ค่อนข้างแพง แต่ถ้าเทียบกับความสมบูรณ์ของสุขภาพร่างกายที่จะได้กลับคืนมา ก็ต้องบอกเลยว่าคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง